ในที่สุด! รัฐบาลไทยดำเนินการจัดการเครือข่ายเมาเออร์เบอร์เกอร์แล้ว

ยินดีต้อนรับสู่ Whale Hunting! ที่นี่คือที่ที่เราจะตามรอยเงินจากศูนย์หลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงเพนต์เฮาส์ในแมนแฮตตัน เพื่อเปิดโปงเครือข่ายอาชญากรรมที่สร้างความเสียหายให้ชาวอเมริกันหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้รายงานอย่างต่อเนื่องว่า เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ผู้ฟอกเงินชาวแอฟริกาใต้ ได้กลายเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายหลอกลวงข้ามชาติขนาดใหญ่ของจีน-กัมพูชา

เราได้แสดงให้เห็นว่าเมาเออร์เบอร์เกอร์ฟอกเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ โดยติดสินบนมูลค่ามหาศาลให้กับนักการเมืองและข้าราชการไทย ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตยของประเทศ—และเป็นเชื้อเพลิงให้กับอาชญากรรมที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ

จนกระทั่งบัดนี้

ดูเหมือนว่าเรื่องราวล่าสุดของเราเกี่ยวกับเมาเออร์เบอร์เกอร์ได้จุดไฟในหน่วยงานผู้มีอำนาจ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราเผยแพร่ MOU (บันทึกความเข้าใจ) ลับระหว่างบริษัทแนวหน้าในสิงคโปร์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเมาเออร์เบอร์เกอร์ กับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ของไทย

MOU ที่น่าตกตะลึงนี้อนุญาตให้เครือข่ายอาชญากรรมสามารถกำหนดนโยบายคริปโตของประเทศไทยได้ ทั้งยังอนุญาตให้เมาเออร์เบอร์เกอร์นำ "ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที" จำนวน 500 คน เข้าประเทศภายใต้วีซ่าพิเศษ ซึ่งเป็นการสร้างท่อส่งสำหรับการฟอกเงินอย่างลับ ๆ

การเข้าครอบงำกลไกของรัฐในระดับนี้โดยชาวต่างชาติ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกินกว่าที่ผู้บริหารชุดปัจจุบันของกระทรวงดีอีเอสจะยอมรับได้ และในที่สุด... พวกเขาก็กำลังดำเนินการ

อ่านเรื่องราวฉบับเต็ม—ได้ฟรี เพียงลงทะเบียนด้วยอีเมลของคุณ

เรื่องราวนี้เปิดให้อ่านได้โดยทั่วไป และงานของเราเปิดให้ทุกคนเข้าถึงได้ฟรี เพียงลงทะเบียนด้วยอีเมลของคุณ แต่การสืบสวนเช่นนี้มีค่าใช้จ่ายสูง หากคุณเชื่อว่าวารสารศาสตร์ที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบมีความสำคัญ โปรดพิจารณา อัปเกรดเป็นสมาชิกแบบชำระเงิน—หรือ ส่งเงินสนับสนุนเพียงครั้งเดียว ทุกการสนับสนุนจะนำไปใช้ในการรายงานข่าวเช่นนี้โดยตรง

หากมีข้อมูลหรือเบาะแส แจ้งเราได้ที่:

📩 whalehunting@projectbrazen.com

📧 projectbrazen@protonmail.com

🔒 ข้อมูลติดต่อที่ปลอดภัย ที่นี่

เราปกป้องแหล่งข่าวของเรา

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Whale Hunting รายงานว่า Prime Opportunity Fund VCC ซึ่งเป็นบริษัทเงินร่วมลงทุน (VCC) ลับจากสิงคโปร์ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ของประเทศไทย MOU ดังกล่าวได้จัดตั้ง ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลนานาชาติไทย (TIDIC) ซึ่งเป็นโครงการนำร่องเพื่อทดสอบนโยบายด้านดิจิทัล

MOU นี้มอบสิทธิ์ให้ TIDIC ออกวีซ่าพิเศษ 500 ใบสำหรับ "ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที" เพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย, มีอิทธิพลสำคัญต่อนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล, และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าคงที่ที่ผูกกับเงินบาท (Thai Baht-pegged stablecoin) — ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการยักย้ายเงินที่ได้จากการหลอกลวงในรูปแบบคริปโตเคอร์เรนซีเข้าสู่ระบบธนาคารแบบดั้งเดิม

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมคนใหม่ของไทย ได้สั่งยกเลิก MOU ดังกล่าว และเริ่มการสืบสวนสอบสวนหาความเชื่อมโยงที่อาจนำไปสู่เงินนอกระบบ (Dark Money) เขาได้กล่าวว่า ทางกระทรวงฯ จะส่งมอบผลการสอบสวนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งการดำเนินการนี้อาจนำไปสู่การตั้งข้อหาทางอาญาได้

ต่างจากอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยที่เคยขู่ฟ้องร้อง Whale Hunting นายไชยชนกได้ทำหน้าที่ของตนและยืนยันว่า MOU ฉบับนี้ได้มีการลงนามเมื่อปีที่แล้วระหว่างกระทรวงดีอีเอส กับ Prime Opportunity Fund VCC ซึ่งเป็นบริษัทเงินร่วมลงทุนแบบผันแปร (Variable Capital Company) จากสิงคโปร์ที่ไม่มีประวัติสาธารณะ บริษัทเงินร่วมลงทุนแบบผันแปร เป็นโครงสร้างองค์กรที่สิงคโปร์นำมาใช้ในปี 2563 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อกองทุนเพื่อการลงทุนและให้การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลอย่างมีนัยสำคัญ

นายไชยชนกกล่าวว่า MOU ดังกล่าวได้รับการลงนามโดย "ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CAI สิงคโปร์" Whale Hunting ได้ยืนยันว่า Capital Asia Investments หรือ CAI เป็นบริษัทแนวหน้าในสิงคโปร์ของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นผู้หลบหนีคดีที่ถูกหมายจับในหลายเขตอำนาจศาล โดย CAI ทำหน้าที่บริหารจัดการ Prime Opportunity Fund VCC

นายไชยชนก ซึ่งเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา กล่าวว่า MOU ดังกล่าวขัดต่อกฎหมายไทยหลายฉบับที่กำกับดูแลเศรษฐกิจดิจิทัล ยกตัวอย่างเช่น นายไชยชนกกล่าวว่า ใน MOU ได้ระบุการพนันกีฬาออนไลน์ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย ว่าเป็นภาคส่วนสำคัญที่ต้องได้รับการพัฒนา

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า MOU ดังกล่าวได้รับการลงนามโดยที่หน่วยงานส่วนใหญ่ในกระทรวงฯ ไม่รับทราบ

ใครคือผู้ที่รับรู้?

Whale Hunting ได้รายงานว่า วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระหว่างเดือนตุลาคม 2565 ถึงตุลาคม 2568 มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่าง MOU นี้

การที่กระทรวงของรัฐบาลไทยลงนามในข้อตกลงดังกล่าว—ซึ่งให้สิทธิในการมีอิทธิพลเหนือนโยบายคริปโตของประเทศ และการเข้าถึงวีซ่าแก่เครือข่ายฟอกเงิน—โดยไม่มีการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ (Due Diligence) หรือการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างชัดเจน ถือเป็นความล้มเหลวของการป้องกันความปลอดภัยของสถาบันขั้นพื้นฐาน นายวิศิษฏ์ยังไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ

การสืบสวนอื่น ๆ ยังคงหยุดชะงัก

ปัจจุบัน นายวิศิษฏ์ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งเราได้รายงานว่า ก.ล.ต. ล้มเหลวในการดำเนินการใด ๆ กับการเข้าครอบครอง บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) (Finansia X PCL) โดยมิชอบด้วยกฎหมายของเครือข่ายเมาเออร์เบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการฟอกเงินหลายพันล้านบาทจากปฏิบัติการหลอกลวงในกัมพูชา

นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งภรรยาได้รับเงินคริปโต 3 ล้านดอลลาร์จากเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับการเข้าครอบครอง Finansia X ได้ลาออกแล้ว แต่ไม่มีการสืบสวนเพิ่มเติม

KuCoin บริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลก ซึ่งทำงานร่วมกับเมาเออร์เบอร์เกอร์เพื่อควบคุม Finansia X ก็ยังไม่เผชิญกับการลงโทษใด ๆ ในเดือนมกราคม 2568 KuCoin ได้รับสารภาพว่ามีความผิดฐานสมคบคิดในการฟอกเงินต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ โดยยอมรับว่าได้ดำเนินการธุรกรรมที่น่าสงสัยและผิดกฎหมายกว่า 9 พันล้านดอลลาร์

ในฐานะประธานกรรมการ ก.ล.ต. นายวิศิษฏ์กำกับดูแลการดำเนินงานของ KuCoin ในประเทศไทย และในฐานะเจ้าหน้าที่ที่สืบสวนการเข้าครอบครอง Finansia X เขาก็กำลังตรวจสอบบทบาทของ KuCoin ในแผนการดังกล่าว ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนโดยตรง

นายวราห์ สุจริตกุล รองประธานกรรมการบริษัท Finansia X ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการขอสัญชาติไทยของเมาเออร์เบอร์เกอร์ ขณะนี้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยเขาได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งนั้นผ่านระบบโควตาของ ก.ล.ต. — นั่นหมายความว่าสำนักงานของนายวิศิษฏ์เป็นผู้แต่งตั้ง

นายวราห์เป็นบุคคลสำคัญในการสอบสวนการเข้าครอบครอง Finansia X อย่างเหมาะสม ทว่าเขากลับดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ของประเทศไทย โดยได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยงานกำกับดูแลเดียวกับที่ควรจะทำการสืบสวนเขา

ในขณะที่นายไชยชนกดำเนินการกับ MOU คริปโตที่ผิดกฎหมาย แต่คนอื่น ๆ กลับนั่งอยู่เฉย ๆ